แชร์

เจาะ! คณะบริหารธุรกิจ สาขา Marketing เรียนอะไรบ้าง?

อัพเดทล่าสุด: 30 มี.ค. 2024
203 ผู้เข้าชม

          แนวทางอาชีพที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันคือการเป็น 'ผู้ประกอบการ' คนรุ่นใหม่เริ่มอยากที่จะมีบริษัทและธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือแม้แต่การทำงานภายใต้บริษัทยังจำเป็นต้องพึ่งความรู้ ความชำนาญในด้าน 'การบริหาร' เพื่อพาองค์กรให้สามารถไปต่อและรับมือทุกความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะส่งผลกระทบในอนาคตได้

          คณะบริหารธุรกิจ จึงเป็นหนึ่งในคณะยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่เลือกเรียนกัน แต่กว่าจะไปถึงปลายทางที่ต้องการ เราดันต้องรู้ทั้งความชอบของตัวเอง ความถนัดในวิชานั้น ๆ ซ้ำยังต้องขยันอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบและหาข้อมูลสำหรับคณะที่ต้องการเข้าอีก สำหรับบางคนแค่การใช้เวลาเหล่านั้นเพื่อค้นหาความชอบของตัวเองก็นับว่ากินเวลาไปมากแล้ว

          วันนี้ เราจึงมานั่งคุยกับ พี่พิณ รุ่นพี่จากคณะบริหาธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อนำคำแนะนำมาให้กับน้อง ๆ ที่มีความฝันอยากจะเข้าคณะนี้ รวมถึงคำให้กำลังใจจากรุ่นพี่ที่ได้ผ่านประสบการณ์ทางด้านการเรียน การค้นหาตัวเอง และการทำงานในสายอาชีพนี้มาก่อน



จุดเริ่มต้นของฝันที่ว่างเปล่า


รู้ว่าตัวเองจะเรียนในสายบริหารได้ยังไง

เริ่มวางแผนคร่าว ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร มีลิสต์ไว้แค่สามคณะที่ใช้สายศิลป์คำนวณได้ เช่น อักษร นิเทศ และบริหาร เราเป็นคนที่เช็กตัวเอง ว่าวิชานี้ชอบ วิชานี้ถนัด ลิสต์ไว้ตลอดว่าวิชาไหนที่เราโอเค

มันก็เลยทำให้เราเตรียมตัวในสามปี (มัธยมปลาย) ง่ายขึ้น?

ก็ง่ายขึ้น แต่คิดว่าตอนนั้นเราไม่ได้เป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจนขนาดนั้น อาจจะไม่ได้เริ่มเตรียมตัวเร็ว เพราะเริ่มเตรียมตัวตอนช่วงม.5-ม.6

หลังจากที่เราจัดสรรข้อมูลมาระดับนึงแล้ว คณะในลิสต์ที่มันเหลืออยู่นั้นมีอะไรบ้าง

ตอนนั้นคิดไว้ว่าอยากเข้าที่มากที่สุดคือนิเทศ รองลงมาคือบริหาร และอักษร

แล้วมันมาไฟนอลลิสต์ว่าเป็นบริหารยังไง

ตอนที่เราไปโอเพนเฮ้าส์ เราจะรู้สึกว่าอักษรอาจจะไม่ใช่แนวเท่าไหร่ เพราะว่าอักษรของจุฬาฯ อาจจะเน้นเรียนประวัติศาสตร์ ซึ่งเราไม่ได้ชอบแบบนี้ และพอไปเจอนิเทศ ตอนนั้นเป็นคนที่ไม่ได้มีความมั่นใจและกล้าแสดงออก ซึ่งเราคิดว่าคาแรกเตอร์ของเด็กนิเทศอาจจะไม่เหมาะ

และเราอยากได้อะไรที่มันมีความมั่นคง พิณเป็นคนที่ concern เรื่องนี้ เลยคิดว่าบริหารน่าจะตอบโจทย์ที่สุด เรียนไปแล้วน่าจะทำงานได้อย่างตรงสาย



ชีวิตของเด็กม.ปลายในรั้วมหาลัย


เปรียบเทียบการใช้ชีวิตในโรงเรียนกับมหาวิทยาลัยให้ฟังหน่อย

พิณว่าเหมือนเรียนที่โรงเรียน อาจจะมีความต่างของหลักสูตรที่เรียน ถ้าเราเรียนตอนมัธยมเราต้องเรียน อ่านหนังสือสอบ แต่พอเป็นการตลาดมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเรียนแล้วทำโปรเจค ตอนสอบก็เป็นข้อสอบข้อเขียนล้วนเลย

ภาพในหัวกับความเป็นจริงไม่ได้ต่างกัน เราก็คิดว่าคงเป็นประมาณนี้แหละ เรียนหนังสือ Lecture และทำโปรเจค (ยิ้มแห้ง)

ในแต่ละชั้นปีเรียนอะไรบ้าง

ปีหนึ่งปีสองคือเรียนทั่ว ๆ ไปของมอกับคณะ สำหรับวิชามอ เช่น วิชาจิตวิทยา ภาษาที่สาม ส่วนวิชาคณะจะเรียนบัญชี สถิติ ภาษี เศรษฐศาสตร์ macro micro เรียนการจัดการ เราจะเรียนทุก ๆ แผนก ทุก ๆ สาขาของบริหารแบบเป็นพื้นฐาน

ยากมั้ย

ยากมาก

แล้วผ่านมันมาได้ยังไง

Suffer มาก เราไม่ยอมเรียนพิเศษเลยได้เกรดไม่ค่อยดี ซึ่งพอเรียนเค้าก็จะให้ตัวอย่างที่มันยากกว่าในห้องเรียน พอไปทำข้อสอบมันก็จะทำได้

พอขึ้นปีสอง มันเริ่มลงดีเทลของคณะมากขึ้นรึยัง

ก็เรียนมากขึ้นแต่ก็ยังเป็นพื้นฐานอยู่ ที่เราเรียนลึกจริง ๆ คือปีสามปีสี่

มีวิชาที่ยากเหมือนเศรษฐศาสตร์อีกมั้ย

ถ้าเป็นของสาขา ไม่มีเลย อาจจะเป็นวิชาที่เราเอ็นจอยเลยรู้สึกว่ามันไม่ยาก แต่พอเป็นวิชานอกสาขา มันยากมาก เช่น วิชาภาษี ยากแต่ว่าเป็นวิชาที่มีประโยชน์มากตอนที่เราเป็นคนทำงาน เพระาเราจะได้รู้ว่าลดหย่อนมีอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายคืออะไร

พอปีสาม มีฝึกงานมั้ย มีเรียนตัวคณะ ทำโปรเจคอะไรบ้าง

ทั้งปีสามและสี่ของเกษตรฯ ไม่ได้บังคับฝึกงาน แต่ไปฝึกได้ ของพิณจะทำหลัก ๆ นอกจากฝึกงานเลยก็คือลงแข่งพวก Marketing Contest หรือ Business Plan

ในการทำธีสิสจบเป็นรูปแบบไหน

สาขาการตลาดจะทำจบด้วยวิจัย เราสนใจอะไร เราก็จะเริ่มวิจัยอันนั้น เช่น Rebrandingนมเกษตร เราจะมีวิธีที่ทำให้เด็กได้กินมากขึ้นยังไงบ้าง



เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงาน


พอไปทำงานจริง ในสิ่งที่เราเรียนไปกับสิ่งที่ทำจริงมันแตกต่างกันเยอะมั้ย

แตกต่างกันเยอะมากกกกกกก

ด้วยความที่ไม่ได้เรียนแบบเชิงลึก ตอนที่เรียนเราจะคิดแบบกลยุทธ์ สื่อสารการตลาดแบบไหนเพื่อให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่พอทำงานจริง ๆ เราจะต้องลงมือทำเอง เช่น โฆษณาใช้วิชวลแบบไหน มีความ struggle ในช่วงนึง แต่คิดว่ามันก็ต้องอาศัยเวลาในการค่อย ๆ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ



สิ่งที่รุ่นพี่อยากแนะนำ


คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด เหมาะกับคนแบบไหน

ถ้าดูจาก qualification คงอยากได้เด็กวิทย์เข้ามา คือรู้สึกว่าเขาต้องการเด็กที่ใช้ Logic แต่ถ้าเป็นสาขาการตลาด เราต้องการความครีเอทีฟ ไม่ต้องการที่จะอยู่ในกรอบแบบเดิม ๆ คิดว่าคนที่เหมาะกับโฆษณา อาจจะต้องกล้าหลุดจากกรอบ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องมีในการทำงานคือต้องทำทุกอย่างให้มีแผน และคิดให้สุดโต่งไปก่อนแล้วงานจะออกมาดี

ข้อดี ข้อเสียของคณะนี้คืออะไร

ข้อดี อาจจะดูเป็นงานที่มั่นคง แต่ข้อเสียคือเราจะต้องใช้ความคิดตลอด

สำหรับคณะบริหารของเกษตรฯ ด้วยหลักสูตรที่ทำมา มันทำให้เราได้ลอง explore ในที่ไม่ใช่แค่เมเจอร์ของตัวเอง เราได้เรียนในสาขาอื่น ๆ เพื่อนำไปใช้ในอนาคต เราจะได้รู้ในภาพรวมมากขึ้น ทำงานแล้วเราจะเข้าใจว่าแผนกต่าง ๆ ทำงานกันยังไง ประสานงานได้ดีขึ้น

เตรียมตัวยังไงในการเข้าคณะนี้

อย่างแรกคือถ้าน้อง ๆ ไม่เคยรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถ้ายังมีเวลาก็อยากให้ลองลิสต์มาก่อนเลยว่า เห็นภาพตัวเองเป็นอาชีพอะไรบ้าง ต่อให้จะเพ้อเจ้อหรือดูเป็นอาชีพที่เป็นไปไม่ได้ก็อยากให้ลิสต์ไว้ก่อน

และลองไปโอเพนเฮ้าส์ เพราะมันเปิดโอกาสให้เราได้ลองทำ ไปรู้จักรุ่นพี่จะได้รู้ว่าเรียนอะไรบ้าง หรือถ้ามีโอกาสจริง ๆ ก็อยากให้ไปได้ลองฝึกงานกับสถานที่ที่เค้าเปิดโอกาสให้เราฝึกงาน อาจจะลองเขียนอีเมลไปหาทางบริษัท ว่าอยากฝึกงานเพื่อ explore ตัวเอง ถึงเขาอาจจะไม่ได้ให้เราทำอะไร แต่เราจะเห็นวิธีการทำงาน เห็นสภาพแวดล้อม เราจะได้รู้ว่าสิ่งนี้คือใช่หรือไม่ใช่จริง ๆ

แต่ถ้าเหลือเวลาอีกแค่สองสามเดือน อย่างน้อยก็เลือกจากวิชาที่น้อง ๆ ชอบ ส่วนวิธีการเตรียมตัว ถ้าขยันเตรียมตัวได้เร็วก็จะดี แต่พี่ก็ไม่ใช่คนขยันขนาดนั้น ก็เตรียมตัวบ้าง เหนื่อยบ้าง พักบ้าง ยังไงถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลอง เพราะมันคือโอกาสของเราเอง อยากให้ใช้เวลาและโอกาสให้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

ส่งกำลังใจโค้งสุดท้ายสำหรับเด็ก TCAS67

อยากให้น้อง ๆ  สู้ ๆ ค่ะ ระหว่างทางมันเหนื่อยอยู่แล้ว ที่เราต้องอ่านหนังสือ แกทแพท แกทเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แพทก็ยากมาก มันเหนื่อยมาก ๆ ก็อยากให้สู้ ๆ คิดว่าทุกคนทำเต็มที่เท่านั้นมันก็โอเคแล้ว


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy