เส้นทาง TCAS และงานที่ไม่ใช่พี่แค่งาน ของ พี่แฮนด์ Eduzones
บางทีการจะทำตามความฝันอะไรสักอย่างในชีวิต หรือแม้แต่การเลือกทางเดินของตัวเองทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นจะเป็นยังไง ไม่เพียงแต่ต้องเฝ้าถาม ใจ เราอยู่อย่างเดียวเท่านั้น แต่การมีคนคอยให้คำปรึกษา ชี้แนะ และคอยให้ข้อมูลอย่างที่ถูกที่ควร หนำซ้ำยังคอยให้กำลังใจมากกว่าตัดความหวัง รวมถึงเป็นผู้ร่วมทางไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้มันดีกว่าก้าวเดินไปอย่างโดดเดี่ยวอยู่แล้ว
วันนี้เราจึงได้มานั่งคุยกับ พี่แฮนด์ Eduzones ชื่อที่ใครหลายคนอาจพอคุ้นเคยอยู่บ้าง อาจจะเปรียบได้กับครูแนะแนวในโรงเรียนที่คอยให้คำแนะนำกับน้อง ๆ ชั้นม.6 ในช่วงกำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยก็ได้ ในหน้าที่ตรงนี้ พี่แฮนด์บอกว่าได้เริ่มทำมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 แม้ก่อนหน้าจะไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับการศึกษาเลยก็ตาม ซึ่งพี่แฮนด์เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการประชาสัมพันธ์ในสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง แต่ทั้งเด็ก ๆ และผู้ปกครองมักชอบเข้ามาพูดคุย มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียน สอบเข้าที่นั่นดีไหม จะสมัครยังไง ทั้ง ๆ ที่ทางสถาบันมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการคอยดูแลอยู่แล้ว แต่เมื่อเด็ก ๆ มาปรึกษามากขึ้น พี่แฮนด์เลยรู้สึกว่าหน้าที่นี้จะต้องมีความรู้ การจะตอบน้อง ๆ ออกไปโดยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนั่นอาจเป็นการทำนายอนาคตที่ผิดพลาดของน้อง ๆ ได้
.
จนถึงวันนี้ พี่แฮนด์ จึงกลายเป็น พี่แนะแนว คนสำคัญอีกคนหนึ่งที่จะช่วยพาน้อง ๆ ให้เดินทางไปสู่เป้าหมายอย่างการเข้าคณะที่ชอบ มหาวิทยาลัยที่ใช่นั่นเอง
.
เดิมที หน้าที่ให้คำปรึกษาไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของพี่แฮนด์ อย่างที่บอกไปว่าพี่แฮนด์เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ แต่เมื่อน้อง ๆ มาขอคำแนะนำมากขึ้นเลยรู้สึกว่า การจะเป็นพี่แนะแนวให้น้อง ๆ ได้จะต้องมีความรู้ไปอีกขั้น
.
ย้อนกลับไปในสมัยก่อนที่จะเป็น พี่แฮนด์ Eduzones ตอนนั้นโซเชียลมีเดียยังไม่บูมมากนัก คนจะพูดคุยกันในพื้นที่ที่เรียกว่า Web Blog มากกว่า พี่แฮนด์บอกว่า Eduzones เป็นบล็อก ซึ่งใครก็สามารถเข้าไปเขียนได้ เลยเขียนเป็นเชิงให้ข้อมูลเด็ก ๆ พอมีคนให้ความสนใจมากขึ้น พี่ ๆ ที่เค้าทำงาน Eduzones ในยุคก่อนก็ติดต่อให้มาเป็นนักเขียน Out Source โดยมีบทบาทในการเขียนบทความ หลังจากนั้น พี่แฮนด์ จึงได้เปลี่ยนบทบาทของตัวเองเป็นพี่แนะแนวให้กับน้อง ๆ ไปโดยปริยาย
.
แต่หน้าที่นี้ มันคือการให้คำปรึกษา หากไม่มีใจรักและอยากทำมันอย่างสม่ำเสมอคงไม่ได้เป็นอย่างพี่แฮนด์ในทุกวันนี้
.
เพราะการศึกษามันคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่อายุถึงเกณฑ์คัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยจนเรียนจบแล้วจะหยุดเรียนรู้ ดังนั้นการเป็นพี่แนะแนวอย่างพี่แฮนด์หรือบุคคลที่กลายเป็นผู้เข้ามาทำงานในวงการการศึกษานี้มันจึงออกไปยากมาก เหมือนคนเป็นครูเนอะ ทำไมครูถึงเป็นครูทั้งชีวิต พี่ไม่ได้มองว่าเป็นครูหรอก มันเป็นความสุขในการแบ่งปันมากกว่า คนเราถ้าได้แบ่งปันและมีความสุขในการให้ เมื่อได้สร้างความสุขให้เขา ให้ความรู้ ข้อมูลในสิ่งที่ถูกต้อง เห็นเขานำข้อมูลและสิ่งที่เราบอกหรือแนะแนวไปใช้ได้ มันก็ทำให้เราภาคภูมิใจและมีแรงทำ เหมือนเราไม่ต้องทำงาน คำว่า ออกยาก คือเรามีแรงทำไปเรื่อย ๆ หมดปีนี้ก็เจอเด็กคนใหม่ เจอเด็กไปเรื่อย ๆ มันก็มีแรงในการ create สิ่งใหม่ ๆ ทำสิ่งใหม่ ๆ ออกมา
.
สำหรับบุคคลที่อยู่ในวงการการศึกษามายาวนานอย่างพี่แฮนด์แล้ว เขาได้พบได้เห็นหลักสูตรการศึกษาของไทยมานับไม่ถ้วน และพบว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ยังคงอยู่กับการท่องจำเพื่อสอบโดยไม่ได้สอนให้เด็กสามารถคิดได้ การศึกษาที่เอื้อให้เด็กคิดมากกว่านี้ ทุกวันนี้เรายังมีการเรียนที่แบบท่องจำ จนเด็กไม่ได้มองว่าสามารถมองไปข้างนอกได้เลยว่าข้างนอกมีโอกาสอะไร เขาจะต้องโฟกัสกับหลักสูตรที่เค้ายื่น ถ้าการศึกษาทำให้้คุณสามารถมองไปนอกหน้าต่างได้บ้าง คิดได้บ้าง หาความชอบได้บ้าง มันก็สามารถช่วยให้ทุกอย่างสมบูรณ์มากขึ้นในการศึกษา และต่อให้จะมีครูแนะแนวหรือพี่แนะนำน้อง ๆ มากมายเท่าไหร่ เด็กก็ยังคงหาความชอบของตัวเองยากไม่ต่างจากเดิม เพราะระบบและรูปแบบการศึกษามันไม่พัฒนา
สุดท้ายนี้ พี่แฮนด์ได้ฝากบอกกับน้อง ๆ ทุกคนที่กำลังตามหาความฝัน พยายามรับมือกับระบบการศึกษาที่ไม่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้ และพยายามค้นหาตัวเองอย่างสุดความสามารถว่าเชื่อใจตัวเอง อย่าไปเชื่อคนอื่น ทุกคนมีดีหมด กับคนที่คนอื่นพร่ำบอกว่าสอบไม่ติดหรอก แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมา คนที่เคยโดนบอกแบบนั้นประสบความสำเร็จเยอะมาก เริ่มต้นจากตัวเองง่ายที่สุด ไม่ต้องรอใครบอก มั่นใจเข้าไว้
.
และสิ่งสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ แม้จะมีผู้ร่วมเดินทางและคอยแนะแนวให้กับน้อง ๆ แล้วก็ตาม แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราสามารถนำคนประสบความสำเร็จไปเป็นแนวทางได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งหมด พี่แฮนด์ทิ้งท้าย ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเอง อยู่ที่เราจะก้าว จะเดิน จะลงมือมั้ย ถ้าน้อง ๆ เปิดโอกาสตัวเองไป Open House ไปค่าย ไปพบปะผู้คน เจอสังคมใหม่ ๆ ได้พุดคุย ได้แลกเปลี่ยนจะมีการเพิ่มมุมมอง อย่าไปคิดตีกรอบตัวเองว่าทำไม่ได้หรอก สำคัญมาก ๆ เลยชอบตีกรอบว่าทำไม่ได้และอยู่บนความคาดหวังของคนอื่นจนลืมความคาดหวังของตัวเอง ให้ทำในสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ พี่คิดว่ามันจะพาน้อง ๆ ไปถึงความสำเร็จแบบไม่รู้ตัวเลยก็ได้
.
ที่มา
Inspired by Nior | พี่แฮนด์ Eduzones
-----
About the author: ฬ. Jula