สมศ. รับนโยบาย รมว.ศธ. มุ่งเป้า สถานศึกษาขนาดเล็ก-ห่างไกล-ขยายโอกาส ยกระดับคุณภาพการศึกษา ทั่วถึงและเท่าเทียม
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา หรือ สมศ. ขานรับนโยบาย รมว.ศธ. เร่งเดินหน้าประเมินคุณภาพสถานศึกษา มุ่งยกระดับคุณภาพสถานศึกษาขนาดเล็ก สถานศึกษาในพื้นที่ห่างไกล และโรงเรียนขยายโอกาส เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ยึดหลักการทำงาน ถูกต้อง รวดเร็ว ประโยชน์ ประหยัด พร้อมตั้งเป้าประเมินคุณภาพภายนอกปี 2567 รวมกว่า 4,220 แห่ง ย้ำการประเมินไม่มุ่งเน้นตัดสิน แต่นำไปสู่การยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการศึกษาของชาติ
ดร.นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิ นคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิ การ (รมว.ศธ.) เข้าตรวจเยี่ยม สมศ. พร้อมมอบนโยบายและให้ คำแนะนำในการปฏิบัติ งานในการดำเนินงานด้านการประเมิ นคุณภาพสถานศึกษาในปี 2567 โดยให้ สมศ. ดำเนินการประเมินคุ ณภาพภายนอกเชิงคุณภาพ มุ่งเน้นไปที่การประเมินคุ ณภาพภายนอกให้กับสถานศึ กษาขนาดเล็ก สถานศึกษาในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงโรงเรียนขยายโอกาส โดยต้องกำหนดเกณฑ์การประเมินคุ ณภาพภายนอกให้มีความเหมาะสมกั บกลุ่มสถานศึกษาแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ผลการประเมินคุ ณภาพภายนอกสอดคล้องกับบริ บทของสถานศึกษาและสามารถนำไปใช้ พัฒนาได้จริง โดย สมศ.ต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานต้ นสังกัด เพื่อคัดกรองและประสานรายชื่ อกลุ่มสถานศึกษาที่ต้องเร่งพั ฒนาและยกระดับคุณภาพการศึ กษาภายในปีงบประมาณ 2567
พร้อมกันนี้ รมว.ศธ. ยังได้มอบนโยบายการดำเนิ นงานภายใต้แนวคิด ถูกต้อง รวดเร็ว ประโยชน์ ประหยัด โดย ถูกต้อง คือ ถูกต้องตามแนวนโยบายการศึกษา รวดเร็ว คือ การดำเนินงานในการประเมินที่ว่ องไวทันโลก ทันเหตุการณ์ ประโยชน์ คือ การประเมินที่ต้องเกิดประโยชน์ ต่อผู้เรียน สถานศึกษา สังคม องค์กรและประเทศชาติ ประหยัด คือ การใช้ทรั พยากรและงบประมาณในการประเมิ นให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่า
สถานศึกษาขนาดเล็กและโรงเรี ยนขยายโอกาสมีลักษณะคล้ายคลึงกั นตรงที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้ นที่ห่างไกลและถิ่นทุรกันดาร ดังนั้น เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมี โอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุ ณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม จึงจำเป็นต้องเร่งประเมินคุ ณภาพการศึกษาในกลุ่มสถานศึกษาดั งกล่าว ซึ่งการประเมินจะทำให้สถานศึ กษาทราบถึงจุดเด่น จุดที่ควรปรับปรุง ตลอดจนแนวทางในการพัฒนาสถานศึ กษา ทำให้สถานศึกษาสามารถนำไปเป็ นแนวทางในการดำเนินงานเพื่ อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้ นได้ อันจะส่งผลให้ระบบการศึกษาไทยมี คุณภาพที่ดียิ่งขึ้นในภาพรวม
ดร.นันทา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สมศ.ยังคงเร่งเดินหน้าประเมินคุ ณภาพภายนอกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าประเมินคุ ณภาพภายนอกให้กับสถานศึกษากว่า 4,220 แห่ง โดย สมศ. ได้ร่วมกับหน่วยงานต้นสังกั ดในการพัฒนากรอบแนวทางการประเมิ นคุณภาพภายนอก และยังคงยึดหลักในการใช้เกณฑ์ที่ เหมาะสมสอดคล้องกับบริ บทของสถานศึกษาประเภทต่างๆ ใช้ระยะเวลาประเมิน 1 - 3 วัน โดยสถานศึกษาแต่ละแห่งจะได้รั บการประเมินด้วยจำนวนวันที่ แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริบทของสถานศึกษา รวมทั้งมีการประเมินแบบ Hybrid ทั้ง Virtual Visit และ Onsite Visit เพื่อลดภาระของสถานศึกษา นอกจากนั้นวิธีการประเมิน สมศ.ยังคงเน้นการนำระบบเทคโนโลยี สารสนเทศเข้ามาสนับสนุ นในการประเมินตั้งแต่ต้ นจนจบกระบวนการ มีการพัฒนาศักยภาพผู้ประเมิ นภายนอกเกี่ยวกับสมรรถนะด้ านการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมิ นคุณภาพภายนอกให้กับสถานศึ กษาอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่ สมศ.เน้นย้ำและให้ความสำคัญที่ สุด คือ การส่งเสริมให้สถานศึ กษานำผลการประเมินไปปรับใช้ เพื่อเป็นแนวทางในการพั ฒนาและยกระดับคุณภาพการศึ กษาของสถานศึกษาให้ดียิ่งขึ้น โดย สมศ.จะเริ่มเข้าประเมินสถานศึ กษาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
สิ่งที่ สมศ. มุ่งเน้นให้ความสำคัญ คือการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ ถูกต้องให้แก่สถานศึ กษาในการดำเนินการประกันคุ ณภาพภายในอย่างเป็นระบบและต่ อเนื่อง เพื่อให้มีความพร้อมก่อนรั บการประเมินคุณภาพภายนอก โดยการประเมินในรอบปี 2567- 2571 จะไม่ใช่การประเมินเพื่อตัดสิ นว่าได้หรือตก แต่เป็นการประเมินเพื่อสะท้ อนสภาพความเป็นจริงของสถานศึกษา พร้อมให้ข้อเสนอแนะที่เกิ ดประโยชน์และสถานศึกษานำไปใช้ ได้จริง อีกทั้งมีการติดตามให้สถานศึ กษานำผลการประเมินไปใช้ เพื่อเป็นการยกระดับและพัฒนาคุ ณภาพมาตรฐานการศึกษาของชาติต่ อไป ดร.นันทา กล่าวปิดท้าย