แชร์

"เรายังดีไม่พอสำหรับมหาวิทยาลัยนี้"  ทำอย่างไรเมื่อความรู้สึก "ดีไม่พอ" ครอบงำจนไม่กล้าเลือก

อัพเดทล่าสุด: 18 เม.ย. 2024
208 ผู้เข้าชม

ช่วงเวลาหลังประกาศผลคะแนนสอบเพื่อใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยครบ สถานการณ์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่สำหรับบางคนกลับกังวลด้วยความรู้สึก "ดีไม่พอ" อาจกลายเป็นอุปสรรคที่ขวางกั้นการตัดสินใจ บทความนี้ลองเสนอแนวทางรับมือกับความรู้สึกนี้ เพื่อช่วยให้น้องๆสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปและเลือกสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง 

แต่ก่อนจะไปดูวิธีการก้าวข้ามความรู้สึกลองมาเช็กและตรวจสัญญาณ เพราะหลายคนคงเคยประสบกับความรู้สึกว่าตัวเอง "ดีไม่พอ" อยู่บ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้อาจส่งผลต่อความมั่นใจและความสุขในชีวิตของเราได้

สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังรู้สึก "ดีไม่พอ" มีอะไรบ้างละ

1.เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอยู่เสมอ น้องๆมักจะมองหาข้อบกพร่องของตัวเองและเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่เสมอ รู้สึกว่าคนอื่นนั้นเก่งกว่า ฉลาดกว่า ประสบความสำเร็จมากกว่า

2.ขาดความมั่นใจในตัวเอง น้องไม่ค่อยเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง มักจะกลัวความล้มเหลว กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์

3.ตั้งมาตรฐานที่สูงเกินไป น้องมักจะตั้งเป้าหมายที่ยากเกินไปและคาดหวังผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ พอทำอะไรไม่ได้ดังใจก็รู้สึกผิดหวัง เสียใจ

4.วิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอยู่เสมอ น้องโฟกัสไปที่ข้อบกพร่องของตัวเองมากกว่าจุดแข็ง มองข้ามความสำเร็จของตัวเอง

5.รู้สึกไร้ค่า ตัวเองไม่มีคุณค่า ไร้ประโยชน์ รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะรักหรือได้รับสิ่งดีๆ

6.กลัวการถูกปฏิเสธ กลัวที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย เพราะกลัวว่าจะล้มเหลวและถูกปฏิเสธ

7.มีปัญหาในการตัดสินใจ ลังเลตัดสินใจอะไรก็ตาม รู้สึกไม่แน่ใจในตัวเอง กลัวว่าจะตัดสินใจผิดพลาด

8.มีปัญหาความสัมพันธ์ มีปัญหาความสัมพันธ์กับคนอื่น รู้สึกไม่ไว้ใจ ไม่อบอุ่นใจ

เมื่อน้องกำลังประสบกับสัญญาณเหล่านี้ แสดงว่าน้องอาจจะกำลังรู้สึก "ดีไม่พอ" ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและความสุขในชีวิตของคุณได้ เพื่อช่วยให้น้องๆสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปและเลือกสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง 

1. เข้าใจที่มาของความรู้สึก

ลองหาคำตอบว่า ทำไมถึงรู้สึก "ดีไม่พอ" มาจากคะแนนสอบที่ไม่สูงพอ เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น กลัวความล้มเหลว หรือกังวลว่าจะไม่มีอนาคต เมื่อเข้าใจที่มา จะช่วยให้รับมือกับความรู้สึกนี้ได้ง่ายขึ้น

2. เปลี่ยนมุมมอง

แทนที่จะมองคะแนนสอบ ลองมองความสามารถ ความสนใจ และศักยภาพของตัวเอง มหาวิทยาลัยที่ดีไม่ได้วัดจากคะแนนเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องพิจารณา

3. พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ

การพูดคุยกับพ่อแม่ ครูแนะแนว หรือเพื่อนสนิท จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ได้รับคำแนะนำ และกำลังใจ

4. ลิสต์ข้อดีข้อเสีย

ลองเขียนข้อดีข้อเสียของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง เปรียบเทียบกันอย่างละเอียด ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

5. มั่นใจในตัวเอง

เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ทุกคนมีจุดแข็งและจุดอ่อน จงโฟกัสไปที่สิ่งที่ตัวเองมี และพัฒนาตัวเองต่อไป

6. จำไว้ว่า...

ทุกคนล้วนมีข้อผิดพลาด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ต้องอาศัยความพยายามและความอดทน
อนาคตยังมีโอกาสอีกมากมาย อย่าหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเอง

7. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

หากรู้สึกเครียด วิตกกังวล จนไม่สามารถตัดสินใจได้ ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

การตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึก "ดีไม่พอ" มาขัดขวาง จงเชื่อมั่นในตัวเอง วิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ และเลือกสิ่งที่ใช่สำหรับอนาคต บทความนี้เป็นเพียงแนวทาง นักเรียนควรปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองยังมีแหล่งข้อมูลและหน่วยงานต่างๆ ที่พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุน เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือเว็บไซต์ของ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นกรมสุขภาพจิต https://www.camri.go.th/ 



บทความที่เกี่ยวข้อง
เอมิล เคร็บส์ ต้นแบบของการเรียนหลายภาษาด้วยวิธีการเรียนรู้แบบ “เด็ก”
เทคนิคการเรียนภาษาของเขาไม่ใช่เทคนิคที่ยิ่งใหญ่อย่างการท่องจำตำราอย่างหนัก แต่เป็นการใช้การเรียนรู้แบบ เด็ก ที่เรียนรู้ผ่านการฟังและการลอกเลียนแบบ โดยตัดการท่องไวยกรณ์ที่ยากๆ ออกไป
5 พ.ย. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy