จะมีความสุขได้ก็ต้อง "พยายาม" จริงไหม (?)
คำว่า "ความสุข" คืออะไรกันนะ ความหมายของคำ ๆ นี้คืออะไร แล้วเรารู้สึกได้ถึงมันตอนไหนที่จะสามารถเรียกได้ว่ามันคือความสุขอย่างแท้จริง ยิ่งเติบโตขึ้น ความสุขที่เคยมีกลับยิ่งน้อยลง กลายเป็นว่าจะมีความสุขเพื่อต้องการลบความเศร้าที่อยู่ในใจกลับต้อง พยายาม มากกว่าเดิมเสียอีก ไหนจะสังคมรอบตัวที่ไม่เคยเอื้อให้พวกเราได้มีความสุขอย่างง่ายดาย แต่ก็ยังกดดันว่าจะต้องมีความสุขให้ได้ท่ามกลางความวินาศสันตะโร
บางที "การปล่อยวาง" มากกว่า "การพยายาม" จะไขว่คว้าอาจเป็นเรื่องที่ดีกว่าก็ได้
ดร. คาบานาส เคยกล่าวในเวที TEDx talk ว่า เป็นไปได้ที่เราจะถอยห่างออกจากแนวคิดเรื่องความสุข และมันถือเป็น ข่าวดี (ที่มา: นักจิตวิทยาแนะเลิกหมกมุ่นกับการพยายามมีความสุข อาจทำให้เรามีความสุขมากขึ้น)
การใช้ความพยายามที่จะไขว่คว้าให้ได้บางสิ่งมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หน้าที่การงาน ความรู้ หรือโอกาสก้าวหน้าในชีวิต ล้วนเป็นความพยายามในทางที่ดีเสมอ ทว่าหากใช้ความพยายามมากเกินไปจนเกิดความกดดันตัวเอง และกลายเป็นการหมกมุ่นอาจทำให้ส่งผลเสีย จนความสุขที่ต้องการอาจเหลือแต่ความทุกข์ตรมก็เป็นได้
จะเห็นได้ว่าเหล่าไลฟ์โค้ชทั้งหลายมักให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตว่าจะต้องทุ่มเทให้กับงานนะ หากได้มีเวลาว่างหยุดพักก็ควรที่จะอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตนเอง ดีกว่าใช้เวลาว่างไปกับการดูหนัง ฟังเพลง หรือทำสิ่งที่เขาคิดว่ามันไร้สาระและไม่ส่งผลประโยชน์ใด ๆ ให้กับชีวิต จนกระแสเหล่านี้ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้คนต่างติดกับ หลงเชื่อไปหมดว่าการจะมีความสุขอย่างแท้จริงได้ ก็ต้องแลกไปด้วยความพยายามอันแสนสาหัสเสียก่อน แล้วชีวิตที่ดีในวันข้างหน้าจะปรากฏขึ้นให้เห็นเอง
น่าเศร้าใจที่ผู้คนกลับยังตกอยู่ในวังวนความเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพราะการไม่เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ต่างหลงเชื่อไปว่าการทำตามคำของไลฟ์โค้ชหรือหนังสือพัฒนาตนเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมหรือสังคมที่ตนอยู่ จะช่วยให้ชีวิตได้กลับมามีความสุขอย่างแท้จริงได้อีกครั้ง
จึงเป็นดังคำที่ดร. คาบานาส เคยกล่าวในเวที TEDx talk ว่าหากปล่อยวางจากแนวคิดการทำให้มีความสุขได้นั่นคือข่าวดี เพราะการที่มัวแต่ทำตามหนังสือโดยไม่ได้สนใจความต้องการลึก ๆ ตัวเราเอง มันยิ่งกว่าการฝัง ความสุข เอาไว้ใต้ผืนดิน ไม่มีใครสามารถหาเจอ รวมถึงตัวเราที่เป็นผู้ฝังลงไปกับมือด้วยซ้ำ
แต่นอกจากความสุขที่ควรจะเลิกพยายามไขว่คว้ามันมาแล้ว เราก็ไม่ควรละเลยความทุกข์ ซึ่งเป็นอารมณ์ทางด้านลบของตัวเราเองเช่นกัน ไม่มีอารมณ์ใดที่มากไปหรือน้อยไปจะเกิดผลดี ความสมดุลต่างหากคือสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ร่วมกับผู้คนรอบข้าง เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เรามีความสุขได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องพยายามเลย
ลองนึกถึงสภาพโลกที่เต็มไปด้วยความโกลาหล ผู้คนต่างยื้อแย่ง ชิงดีชิงเด่นและไม่ยอมแบ่งปัน เปรียบเทียบกับสังคมที่ผู้คนยิ้มแย้ม โอบเอื้ออารี รู้จักให้มากกว่ารับหรือให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน สภาพสังคมแแบบไหนกัน ที่จะเอื้อให้ตัวเรามีความสุขมากกว่า?
เพราะฉะนั้น การพยายามไขว่คว้าหาความสุขโดยเลือกที่จะทำตามหนังสือหรือคำของไลฟ์โค้ชเป็นที่ตั้ง ไม่คำนึงถึงความต้องการลึก ๆ ในจิตใจของตน เลือกต่อต้านอารมณ์ด้านลบและปลีกวิเวกจากสังคมที่จะช่วยฮีลใจให้เราได้มากกว่าการจมอยู่กับตัวเอง มันจะยิ่งเป็นการสร้างความหมกมุ่น ให้ตัวเราทุกข์ใจ และห่างไกลจากคำว่า ความสุข ที่ต้องการมากกว่าเดิมเสียอีก
จะมีความสุขได้ ไม่จำเป็นต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้นะ ทำตามเสียงหัวใจตัวเองบ้างเถอะ ฮีลตัวเราที่อุตส่าห์ใช้ชีวิตได้มาจนป่านนี้หน่อย
---
About the author: ฬ .Jula