แชร์

ทำไมเราถึงชอบบ่น? เจาะลึกจิตวิทยาการบ่นที่คุณอาจไม่เคยรู้

อัพเดทล่าสุด: 15 ส.ค. 2024
363 ผู้เข้าชม
ทุกคนคงเคยได้ยินประโยคทำนองนี้ว่า โธ่! บ่นไปก็ไม่ช่วยอะไร! แต่ทำไมนะ ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าการบ่นมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่เรายังชอบทำกันอยู่ดี ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรุ่นไหน อายุเท่าไหร่ การบ่นก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำอย่างเป็นธรรมชาติ บางทีบ่นกับตัวเอง บางทีบ่นกับเพื่อน บางทีบ่นในใจ แต่เคยสงสัยไหมว่าเบื้องหลังของการบ่นนั้นคืออะไร?

1. การบ่นเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ ฉันเบื่อ ฉันเครียด ฉันต้องระบาย!
เริ่มจากพื้นฐานทางจิตวิทยาที่ง่ายที่สุด การบ่นคือการปลดปล่อยอารมณ์ เมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจหรือไม่สบายใจ การบ่นคือการที่สมองพยายามหาทางออกเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ในทางจิตวิทยาเรียกว่า Catharsis ซึ่งหมายถึงการระบายความเครียดหรืออารมณ์ที่อัดอั้นผ่านการแสดงออกบางอย่าง เช่น การบ่นการ 

การบ่นไม่ได้แก้ปัญหาโดยตรง แต่มันช่วยให้เรารู้สึกเบาลง คลายความตึงเครียดชั่วคราว และเมื่อเราระบายความรู้สึกเหล่านี้ออกไปแล้ว สมองก็จะมีพื้นที่ว่างสำหรับคิดหาทางแก้ปัญหาได้ดีขึ้น

2. การบ่นเป็นวิธีการควบคุมชีวิต ฉันรู้สึกมีอำนาจเพราะฉันยังบ่นได้
อีกเหตุผลหนึ่งที่เราชอบบ่นคือมันทำให้เรารู้สึกว่าเรายังมีความควบคุมอยู่ แม้ว่าสถานการณ์จะแย่แค่ไหนก็ตาม การบ่นทำให้เรารู้สึกว่าเรามีอำนาจบางอย่างในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างเช่น เมื่อคุณบ่นเรื่องการจราจรที่ติดขัด ถึงแม้การบ่นจะไม่ช่วยให้รถวิ่งเร็วขึ้น แต่การพูดออกไปทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ตกอยู่ในความควบคุมของสถานการณ์เสียทีเดียว

จิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Illusion of Control คือการที่เรารู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แม้ว่าความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น

3. การบ่นคือการเชื่อมโยงทางสังคม เราบ่นด้วยกัน เราเข้าใจกัน!
ในบางครั้ง การบ่นไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น ลองนึกถึงเวลาที่คุณบ่นเรื่องงานกับเพื่อนร่วมงาน แล้วเพื่อนตอบกลับด้วยการบ่นเรื่องงานเหมือนกัน มันทำให้เรารู้สึกว่า เราก็เหมือนกัน การบ่นจึงเป็นเครื่องมือทางสังคมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างคนสองคนหรือมากกว่า

การเชื่อมโยงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับเพื่อน แต่กับคนแปลกหน้าด้วย เช่น เวลาที่คุณบ่นเรื่องบริการที่ไม่ดีในร้านอาหาร คนที่อยู่ข้างๆ ก็อาจจะเข้ามาเห็นด้วย นั่นเป็นการสร้างสายสัมพันธ์แบบชั่วคราวที่อาจจะหายไปในไม่กี่นาที แต่มันทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้เผชิญกับปัญหานั้นเพียงลำพัง

4. การบ่นและการมองโลกในแง่ลบ ระวัง! อย่าติดบ่นจนกลายเป็นคนมองโลกแง่ร้าย
ถึงแม้ว่าการบ่นจะมีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน แต่การบ่นมากเกินไปก็สามารถสร้างปัญหาได้ เช่น การทำให้เรากลายเป็นคนมองโลกในแง่ลบ เมื่อคุณบ่นซ้ำๆ กับเรื่องเดิมๆ สมองของคุณจะถูกฝึกให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไม่ดี ทำให้คุณเริ่มมองโลกในมุมที่มืดลง และอาจส่งผลให้คุณรู้สึกว่าชีวิตมีแต่เรื่องแย่ๆ

ไม่เพียงแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ การบ่นมากเกินไปยังอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่ดีหรือไม่อยากอยู่ใกล้คุณ เพราะการฟังคนบ่นมากเกินไปก็ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้เช่นกัน

5. บ่นอย่างมีสติ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดบ่น
สุดท้ายแล้ว การบ่นก็เหมือนกับทุกสิ่งในชีวิต คือมีความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ ควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรบ่นและเมื่อไหร่ควรหยุด บางครั้งการหาวิธีแก้ปัญหาหรือการมองโลกในมุมบวกจะช่วยให้คุณผ่านสถานการณ์แย่ๆ ไปได้มากกว่าการบ่น 

การบ่นเป็นสิ่งที่คนทำกันอย่างธรรมชาติ มันมีบทบาทสำคัญในการช่วยระบายความเครียด การสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม และทำให้เรารู้สึกว่ามีความควบคุมในชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม การบ่นก็มีข้อเสีย หากเราบ่นมากเกินไปหรือไม่รู้จักหยุดบ่น มันอาจทำให้เรากลายเป็นคนมองโลกในแง่ลบ และทำให้คนรอบข้างไม่อยากอยู่ใกล้

ครั้งต่อไปที่คุณบ่น ลองคิดดูว่าเป้าหมายของการบ่นคืออะไร และหากการบ่นไม่ได้ช่วยอะไร ลองหาวิธีระบายความเครียดหรือแก้ปัญหาแบบอื่นๆ ดูบ้าง นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณมองโลกในแง่บวกมากขึ้นด้วย!

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy