อันตรายจากควันมือสอง: ความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม
ควันมือสอง (Secondhand Smoke หรือ SHS) คือควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของผลิตภัณฑ์ยาสูบ เช่น บุหรี่ ซิการ์ และผลิตภัณฑ์ยาสูบอื่น ๆ ควันนี้มีทั้งจากปลายที่เผาไหม้ของบุหรี่และจากควันที่ผู้สูบบุหรี่หายใจออกมา แม้ว่าจะไม่สูบบุหรี่เอง แต่การสูดดมควันมือสองสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่โดยตรง
ปัจจุบันนี้ นอกจากการสูบบุหรี่มวนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพปอดโดยตรงแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าก็ให้ผลร้ายต่อร่างกายไม่ต่างกัน ทว่าความเชื่อที่คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีกลิ่นหอมกว่ากลิ่นบุหรี่ที่เป็นกลิ่นควันของการเผาไหม้ มีการแต่งกลิ่นและรสให้กับผู้สูบได้รู้สึกดีกว่าสูบบุหรี่มวน น่าจะมีสารอันตรายน้อยกว่า แต่ควันมือสองที่ถูกพ่นออกมา ล้วนแล้วแต่ทำร้ายปอดผู้อื่นได้เทียบเท่ากับบุหรี่มวนทั้งสิ้น
ควันมือสองมีสารเคมีที่เป็นอันตรายมากกว่า 7,000 ชนิด โดยมีมากกว่า 70 ชนิดที่เป็นสารก่อมะเร็ง เช่น เบนซีน (Benzene) ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) และไนโตรซามีน (Nitrosamine) การสูดดมควันมือสองเป็นการรับสารเคมีเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว และแม้จะเป็นเพียงแค่การได้รับควันเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้ นอกจากนี้ ยังไม่มีระดับของการสัมผัสควันมือสองที่ถือว่าปลอดภัย เพราะสารเคมีที่เป็นพิษในควันบุหรี่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและทำลายอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ทันทีที่ได้รับ
ผลกระทบจากควันมือสอง อย่างที่พอจะรู้กันคือโดนที่ปอดโดยตรง แต่ยังมีโรคอื่นอย่างหัวใจและหลอดเลือดพ่วงเข้ามาด้วย การได้รับควันมือสองสามารถทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง สารเคมีในควันบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความดันโลหิต และทำให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายผิดปกติ และควันมือสองยังส่งผลให้เกล็ดเลือดเกาะกันมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดและนำไปสู่โรคหัวใจวายได้
จากการศึกษา พบว่าคนที่ได้รับควันมือสองมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจวายเพิ่มขึ้นถึง 25-30% เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้รับควัน อีกทั้งการได้รับควันมือสองในระยะยาวยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองถาวรหรือถึงขั้นเสียชีวิต
ควันมือสองยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจหลากหลายชนิด เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) โรคหอบหืด (Asthma) และโรคปอดบวม (Pneumonia) โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปในการเกิดโรคเหล่านี้
สำหรับเด็กที่ได้รับควันมือสองในบ้านหรือสถานที่สาธารณะ การสูดดมควันสามารถทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้เด็กมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหอบหืดสูงขึ้น นอกจากนี้ เด็กที่อยู่ในบ้านที่มีคนสูบบุหรี่ยังมีโอกาสที่จะเกิดโรคปอดบวมและหลอดลมอักเสบสูงกว่าปกติถึงสองเท่า
สุดท้าย มะเร็งปอด เป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงที่เกิดจากการได้รับควันมือสองนั่นเอง แม้ว่าผู้ที่ได้รับควันมือสองจะไม่ได้สูบบุหรี่เอง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดได้ เนื่องจากควันมือสองมีสารก่อมะเร็งจำนวนมากที่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในปอดได้
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับควันมือสองมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดสูงขึ้นถึง 20-30% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับควัน รวมถึงยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่น มะเร็งช่องปากและมะเร็งกล่องเสียง เนื่องจากสารเคมีในควันบุหรี่สามารถทำลายเนื้อเยื่อในบริเวณเหล่านี้ได้
แม้บุคคลที่ไม่สูบบุหรี่ จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปอยู่ในบริเวณที่สามารถสัมผัสหรือได้รับควันมือสองโดยตรงแล้ว ทว่าบางกรณี ผู้สูบมักจะไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือผลกระทบของผู้อื่นนัก อย่างการสูบในพื้นที่สาธารณะ สูบที่บ้านโดยสมาชิกในครอบครัวไม่ได้สูบบุหรี่เลย หรือการเดินสูบตามทางเดินโดยปล่อยให้ควันพัดไปตามกระแสลม ฉะนั้น ถึงผู้ไม่สูบบุหรี่จะพยายามปกป้องตนเองแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรจะเป็นมาตรการลำดับแรก ๆ คือการห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ทำงานและสถานที่สาธารณะแบบบังคับและกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน เพราะการขอความร่วมมือ บางทีอาจไม่ทำให้เกิดผล อีกทั้งยังเป็นปัญหาต่อสุขภาพผู้สูบและผู้รับควันมือสองทั้งหมดด้วยเพราะคิดว่าสูดดมเล็ก ๆ น้อย ๆ คงไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม ยังควรมีการรณรงค์ให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบและสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทนอยู่ เช่น หมากฝรั่งนิโคติน หรือแผ่นแปะนิโคติน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถลดปัญหาควันมือสองได้
ควันมือสองเป็นภัยเงียบที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เอง ทั้งนี้เพราะสารเคมีในควันบุหรี่สามารถทำลายระบบต่างๆ ของร่างกายได้ทันทีที่ได้รับ การป้องกันและลดการสัมผัสควันมือสองจึงเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสุขภาพของตัวเราและคนที่เรารัก การสนับสนุนให้มีการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากควันบุหรี่ในบ้าน และการส่งเสริมการเลิกบุหรี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงจากควันมือสองและสร้างสังคมที่สุขภาพดีสำหรับทุกคน
—
About the author: ฬ. Jula