CEFR : คืออะไร? สอบอะไรบ้าง? สอบได้ที่ไหน? และทำไมถึงเป็นมาตรฐานที่คนทั่วโลกเลือกใช้?
หลังจาก อว.หรือกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่อนจดหมายออกนโยบายใหม่ ก่อนจบมหาวิทยาลัยต้องสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ! เพื่อหวังยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในสถาบันอุดมศึกษา ทั้งระดับปริญญา และต่ำกว่าปริญญาของรัฐและเอกชน ให้สถาบันปรับปรุงการจัดการการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ และจัดให้นิสิตนักศึกษาทุกคน สอบวัดระดับความรู้และทักษะภาษาอังกฤษก่อนเรียนจบ โดยทำแบบทดสอบที่สถาบันพัฒนาขึ้น หรือสอบตามมาตรฐานสากล เทียบเคียงผลกับ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) และนำผลการทดสอบบันทึกในใบรับรองผลการศึกษา หรือทำประกาศนียบัตร
ระดับอนุปริญญา ควรกำหนดเป้าหมาย เทียบเคียงผลกับ CEFR ระดับ B1 ขึ้นไป
ระดับปริญญาตรี ควรกำหนดเป้าหมาย เทียบเคียงผลกับ CEFR ระดับ B2 ขึ้นไป
ระดับบัณฑิตศึกษา ควรกำหนดเป้าหมาย เทียบเคียงผลกับ CEFR ระดับ C1 ขึ้นไป
น้อง ๆ ที่กำลังเรียนอยู่ในระดับมหา'ลัย หรือน้อง ๆ ที่กำลังว้าวุ่นกับการสอบเข้าก็เกิดหยุดอ่าน โดยเฉพาะคนที่ไม่เลิฟในภาษานอกถิ่นเท่าไหร่นักก็คงได้แต่คิดว่า CEFR อะไรอีกนะ บทความนี้พี่เลยรวบรวมข้อมูลคร่าว ๆ แต่รอบด้านมาให้น้อง ๆ ได้ทำความรู้จักกันหน่อยว่า..
Common European Framework of Reference for Languages (CEFR): CEFR คืออะไร?
ลองนึกถึงการเรียนภาษาที่สามารถวัดความสามารถของคุณได้แบบชัดเจน ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์หรือมีพื้นฐานอยู่แล้ว CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) คือเครื่องมือที่ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ โดย CEFR เป็นมาตรฐานที่ใช้ทั่วโลกในการวัดระดับความสามารถทางภาษาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน และอื่น ๆ อีกมากมาย มาตรฐานนี้ช่วยให้คุณทราบว่าความสามารถทางภาษาของคุณอยู่ในระดับใด ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น (A1) จนถึงระดับเชี่ยวชาญ (C2) นั่นเอง
CEFR สอบอะไรบ้าง?
เมื่อพูดถึงการสอบวัดระดับ CEFR หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL ซึ่งใช้มาตรฐาน CEFR ในการวัดระดับความสามารถ แต่รู้ไหมว่ายังมีการสอบอื่น ๆ ที่อิงมาตรฐาน CEFR ด้วย เช่น
1. DELF/DALF (ภาษาฝรั่งเศส): สำหรับผู้ที่ต้องการวัดระดับความสามารถในภาษาฝรั่งเศส การสอบนี้มีตั้งแต่ระดับ A1 ไปจนถึง C2
2. Goethe-Zertifikat (ภาษาเยอรมัน):เป็นการสอบวัดระดับภาษาเยอรมันที่ใช้มาตรฐาน CEFR มีตั้งแต่ระดับ A1 ถึง C2 เช่นกัน
3. DELE (ภาษาสเปน): สอบวัดระดับภาษาสเปนที่จัดทำโดยสถาบัน Cervantes ซึ่งอิงมาตรฐาน CEFR ครอบคลุมทุกระดับ
4. Cambridge English: การสอบที่เป็นที่นิยมมาก เช่น KET, PET, FCE, CAE, CPE ซึ่งแต่ละชื่อเหล่านี้ก็มีระดับต่าง ๆ ของ CEFR อิงอยู่เช่นกัน
สอบ CEFR ได้ที่ไหน?
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศใดก็สามารถหาศูนย์สอบที่จัดการสอบ CEFR ได้โดยง่าย สำหรับประเทศไทย มีหลายสถาบันที่เปิดสอบเช่น:
- British Council:** จัดสอบภาษาอังกฤษในรูปแบบ IELTS และ Cambridge English ที่อิง CEFR
- Alliance Française:** สำหรับภาษาฝรั่งเศส สามารถติดต่อสอบได้ที่นี่
- Goethe-Institut:** หากคุณสนใจสอบภาษาเยอรมัน
- Instituto Cervantes:** สำหรับการสอบภาษาสเปน DELE
หากต้องการทราบศูนย์สอบใกล้บ้าน คุณสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ของสถาบันต่าง ๆ หรือสอบถามได้จากสถานทูตประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย
ราคาสอบ CEFR เป็นเท่าไหร่?
เรื่องราคาในการสอบวัดระดับ CEFR นั้นแตกต่างกันไปตามภาษาที่คุณเลือกสอบและระดับที่ต้องการทดสอบ โดยทั่วไปแล้ว การสอบภาษาอังกฤษเช่น IELTS อาจมีราคาประมาณ 7,000-9,000 บาท ในขณะที่การสอบ Cambridge English อาจมีราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อย
สำหรับการสอบในภาษาอื่น ๆ เช่น DELF/DALF, Goethe-Zertifikat, และ DELE ราคาสอบก็จะอยู่ในช่วง 4,000-10,000 บาท ทั้งนี้ราคาสอบอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับศูนย์สอบที่คุณเลือก
ทำไม CEFR ถึงเป็นมาตรฐานที่คนทั่วโลกเลือกใช้?
CEFR ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเพราะเป็นมาตรฐานที่ชัดเจนและครอบคลุมความสามารถทางภาษาในทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน ผู้ปกครอง หรือบริษัทนายจ้าง การรู้ว่าใครบางคนมีความสามารถทางภาษาในระดับไหน (เช่น B2 หรือ C1) สามารถช่วยให้การตัดสินใจในด้านการศึกษาหรือการจ้างงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ CEFR ยังช่วยให้การเรียนการสอนภาษาต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีโครงสร้างและมีเป้าหมายที่ชัดเจน คุณสามารถกำหนดเป้าหมายในการเรียนภาษาของคุณได้ตามระดับ CEFR ซึ่งทำให้คุณสามารถประเมินและพัฒนาความสามารถของคุณได้ง่ายขึ้น
การที่ CEFR ถูกใช้เป็นมาตรฐานในการสอบภาษาต่าง ๆ อย่างกว้างขวางก็เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของมาตรฐานนี้ ไม่ว่าคุณจะสอบภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาเยอรมัน CEFR จะช่วยให้คุณและผู้สอบสามารถวัดผลได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม
การเปรียบเทียบระหว่าง **CEFR** กับการสอบ **IELTS** และ **TOEFL** นั้นสามารถอธิบายได้ตามนี้:
1. CEFR คือกรอบอ้างอิง แต่ IELTS และ TOEFL คือการสอบ:
- CEFR (Common European Framework of Reference for Languages): เป็นกรอบอ้างอิงที่ใช้เพื่อวัดและอธิบายระดับความสามารถทางภาษาต่าง ๆ โดยมี 6 ระดับหลักคือ A1, A2, B1, B2, C1, และ C2 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในหลายประเทศและภาษาทั่วโลก แต่ CEFR เองไม่ใช่การสอบ
- IELTS (International English Language Testing System): เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยจะวัดทักษะการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด มีคะแนนตั้งแต่ 0-9 ซึ่งสามารถเทียบกับระดับของ CEFR ได้ เช่น IELTS 6.5 เทียบเท่าระดับ B2 ของ CEFR
- TOEFL (Test of English as a Foreign Language): เป็นการสอบภาษาอังกฤษที่เน้นการใช้ภาษาในบริบททางวิชาการ โดยเฉพาะการศึกษาต่อในต่างประเทศ มีคะแนนตั้งแต่ 0-120 ซึ่งสามารถเทียบกับระดับของ CEFR ได้เช่นกัน เช่น TOEFL 90-100 เทียบเท่าระดับ B2-C1 ของ CEFR
2. เป้าหมายของการใช้งาน
- CEFR: ใช้เป็นมาตรฐานกลางในการวัดระดับความสามารถทางภาษาหลายภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอื่น ๆ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกำหนดระดับในหลักสูตรการเรียนการสอน หรือการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาในประเทศต่าง ๆ ได้
- ELTS และ TOEFL: ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ และมักใช้เพื่อการสมัครเรียนต่อหรือการยื่นขอวีซ่าในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกา
3. โครงสร้างของการสอบ
- IELTS: มีสองรูปแบบคือ Academic และ General Training โดย Academic เน้นทักษะการใช้ภาษาในบริบทวิชาการ ส่วน General Training เน้นทักษะการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันและการทำงาน
- TOEFL: มีรูปแบบหลักคือ TOEFL iBT (Internet-based Test) ที่วัดทักษะการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด โดยเน้นบริบททางวิชาการเป็นหลัก
4. การเทียบระดับคะแนน
- IELTS กับ CEFR: เช่น IELTS 4.5-5.0 เทียบเท่ากับระดับ B1, 6.5-7.0 เทียบเท่ากับระดับ C1
- TOEFL กับ CEFR: เช่น TOEFL 42-71 เทียบเท่ากับระดับ B1, 95-120 เทียบเท่ากับระดับ C1-C2
CEFR เป็นกรอบอ้างอิงที่ใช้ในการประเมินความสามารถทางภาษาในหลายภาษา ในขณะที่ IELTS และ TOEFL เป็นการสอบที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ การสอบเหล่านี้สามารถเทียบกับระดับของ CEFR ได้ แต่ความแตกต่างหลักคือ CEFR เป็นมาตรฐานกลางที่ใช้วัดภาษาได้หลายภาษา ในขณะที่ IELTS และ TOEFL มุ่งเน้นไปที่ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว
การสอบวัดระดับภาษาตามมาตรฐาน CEFR เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประเมินความสามารถทางภาษาของคุณ ด้วยระดับที่ครอบคลุมตั้งแต่ A1 ถึง C2 และการสอบที่มีให้เลือกหลากหลายภาษาและสถานที่สอบทั่วโลก CEFR เป็นมาตรฐานที่ช่วยให้คุณสามารถวัดและพัฒนาความสามารถทางภาษาได้อย่างชัดเจน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ไม่ว่าคุณจะต้องการสอบเพื่อเรียนต่อ ทำงาน หรือเพียงแค่ต้องการทดสอบความสามารถของตัวเอง CEFR จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอน
**อ้างอิง:**
- Council of Europe. (n.d.). Common European Framework of Reference for Languages (CEFR). Retrieved from [https://www.coe.int/en/web/common-european-framework-reference-languages](https://www.coe.int/en/web/common-european-framework-reference-languages)
- British Council. (n.d.). IELTS and the CEFR. Retrieved from [https://www.britishcouncil.org/exam/cefr](https://www.britishcouncil.org/exam/cefr)
- Goethe-Institut. (n.d.). CEFR Levels. Retrieved from [https://www.goethe.de/en/spr/kup/prf/dfp.html](https://www.goethe.de/en/spr/kup/prf/dfp.html)