MBTI อะไร? ทำไมถึงเป็นคำถามยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ ในการทำความรู้จักกัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพูดคุยเกี่ยวกับ MBTI หรือ Myers-Briggs Type Indicator กลายเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในวงสนทนาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เมื่อพบเจอคนใหม่ ๆ หรือทำความรู้จักใครสักคน คำถามว่า คุณ MBTI อะไร? กลายเป็นเหมือนคำถามสั้น ๆ ที่ช่วยให้รู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายมากขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลามากมาย แล้วทำไมคำถามนี้ถึงได้รับความนิยมกันล่ะ?
1. การเข้าใจตัวเองและผู้อื่นได้ง่าย
หนึ่งในเหตุผลหลักที่คนชอบถาม MBTI ก็คือการที่มันช่วยให้เข้าใจตัวตนของเราและผู้อื่นได้ง่ายขึ้น MBTI แบ่งบุคลิกภาพของคนออกเป็น 16 ประเภทหลัก โดยใช้ตัวชี้วัด 4 ตัว ได้แก่ การพึ่งพา Introversion (I) หรือ Extraversion (E), การตัดสินใจด้วย Thinking (T) หรือ Feeling (F), การใช้เหตุผลกับ Judging (J) หรือ Perceiving (P) และอื่น ๆ เมื่อคนทราบว่าอีกฝ่ายมีบุคลิกแบบไหน พวกเขามักจะรู้สึกว่ารับมือหรือสร้างความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากมีเพื่อนที่เป็นประเภท INFP (Introversion, Intuition, Feeling, Perceiving) จะสังเกตได้ว่าคนเหล่านี้ชอบการแสดงความคิดสร้างสรรค์และการใช้เวลาส่วนตัวมากกว่าเข้าร่วมกิจกรรมสังคม ในขณะเดียวกันหากคุณทำงานกับคนประเภท ESTJ (Extraversion, Sensing, Thinking, Judging) อาจจะเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานและเน้นประสิทธิภาพสูงสุด การรู้ MBTI ของเขาจะทำให้คุณปรับตัวและสื่อสารกับได้ดีขึ้น
2. ความสนุกและความท้าทายในการทายบุคลิกภาพ
การทายว่าใครเป็น MBTI ประเภทไหนกลายเป็นเหมือนเกมสนุกๆ สำหรับบางคน หลายคนมองว่า MBTI เหมือนกับปริศนาอันหนึ่งที่ต้องไข เมื่อเราพบเจอใครใหม่ๆ เราอาจเริ่มสงสัยและพยายามทายว่าพวกเขาเป็นประเภทไหนใน 16 แบบ การที่ได้ทายถูกหรือได้เรียนรู้ว่าเราคิดผิดอย่างไร ก็กลายเป็นบทสนทนาที่สนุกและท้าทายมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อเจอคนที่ชอบเล่าเรื่องสนุก ๆ และเปิดเผยตัวเองอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจทายว่าคนๆ นั้นเป็น ENFP (Extraversion, Intuition, Feeling, Perceiving) และถ้าทายถูก การได้ยืนยันจากอีกฝ่ายว่าเขาเป็น ENFP จริงๆ จะทำให้บทสนทนาสนุกยิ่งขึ้น แต่หากทายผิด เราก็อาจจะได้พูดคุยและทำความรู้จักบุคลิกของอีกฝ่ายและได้รู้จักตัวตนกันมากขึ้น
3. การเชื่อมโยงกับเทรนด์ในโซเชียลมีเดีย
ในยุคดิจิทัล MBTI กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดีย ทั้งในโพสต์ ไมโครบล็อก ไปจนถึงวิดีโอ TikTok หลายคนแชร์ผลลัพธ์ MBTI ของตนเพื่อเชื่อมโยงกับคนอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน บ่อยครั้งที่ MBTI ถูกพูดถึงในบริบทของความสัมพันธ์ เช่น ประเภทไหนที่เข้ากันได้ดี การมอง MBTI ผ่านมุมมองนี้จึงทำให้คนทั่วไปชอบที่จะเรียนรู้บุคลิกภาพของตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น คนที่เป็น INTJ มักจะมองว่าว่าเป็นคนเงียบๆ ฉลาดๆ แต่เข้าถึงยาก หรือคนที่เป็น ESFP มักจะถูกนำเสนอว่าเป็นคนสนุกเฮฮา ชอบสร้างสีสันในทุกสถานการณ์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ MBTI เป็นเรื่องที่หลายคนชอบพูดถึงและแชร์กัน
4. การสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
เมื่อเรารู้ MBTI ของตัวเอง เรามักจะค้นหาและเชื่อมโยงกับคนที่มีประเภทเดียวกัน สิ่งนี้สร้างความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือ community ของผู้ที่มีลักษณะคล้ายกัน ในบางครั้งคนที่รู้ว่าเป็นประเภทเดียวกันก็อาจรู้สึกว่าพวกเขามีความเข้าใจในเชิงลึกต่อกันมากขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งและพิเศษ
ตัวอย่างเช่น กลุ่มคนที่เป็น INTP (Introversion, Intuition, Thinking, Perceiving) มักจะคุยกันเกี่ยวกับเรื่องความช่างวิเคราะห์และความหลงใหลในการแก้ปัญหา ส่วนคนที่เป็น ISFJ (Introversion, Sensing, Feeling, Judging) อาจจะพูดคุยกันเรื่องการดูแลคนรอบข้างและการใส่ใจรายละเอียด สิ่งเหล่านี้ทำให้คนรู้สึกว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว แต่มีคนที่เข้าใจเราในมุมที่คล้ายกัน
5. การยอมรับในความแตกต่าง
MBTI ช่วยให้ผู้คนยอมรับว่าบุคลิกภาพของแต่ละคนนั้นมีความหลากหลาย บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเงียบขรึมและใส่ใจในรายละเอียดมากกว่า ขณะที่คนอื่น ๆ อาจเปิดเผยและชอบการเข้าสังคม MBTI จึงช่วยให้เรายอมรับและเข้าใจความแตกต่างระหว่างคนรอบข้าง ทำให้เกิดความเคารพในความหลากหลายของบุคลิกภาพ
ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนคนหนึ่งเป็น ENTJ (Extraversion, Intuition, Thinking, Judging) ที่เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ชอบวางแผนและจัดการสิ่งต่างๆ ส่วนอีกคนเป็น ISFP (Introversion, Sensing, Feeling, Perceiving) ที่มีความเป็นศิลปินและชอบแสดงออกในแบบของตัวเอง เมื่อเรารู้ MBTI ของแต่ละคน เราก็จะยอมรับและเข้าใจความแตกต่างของกันและกันได้มากขึ้น
การถาม MBTI นั้นไม่ใช่แค่เรื่องการทายเล่น ๆ แต่เป็นวิธีที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นเทรนด์ที่เชื่อมโยงผู้คนในยุคดิจิทัล ด้วยความรู้สึกที่ว่าบุคลิกภาพของเรามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน คนเราจึงหันมาใช้ MBTI เป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้อื่นในแบบที่ง่ายและสนุกสนานมากขึ้น
---
about the author : ภูมิมาลัย