แชร์

10 เรื่องเล่ามหาลัยสยองขวัญ

อัพเดทล่าสุด: 30 ต.ค. 2024
251 ผู้เข้าชม

มหาวิทยาลัยเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หลากหลายเรื่องราว ย่อมมีเรื่องราวลี้ลับและความน่ากลัวเกิดขึ้นบ้าง บทความนี้ขอพาน้อง ๆไปสัมผัสกับ 10 เรื่องเล่าสยองขวัญสุดคลาสสิกจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย มีมหาวิทยาลัยไหนกับเรื่องราวอะไรบ้างไปอ่านกัน

ลิฟท์แดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์: ตำนานสยองขวัญที่ยังคงมีชีวิต
.
ลิฟท์แดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในตำนานเล่าขานที่โด่งดังที่สุดของประเทศไทย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวสยองขวัญและความลี้ลับ ผูกพันกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อันโหดร้าย
.
เชื่อกันว่า ตำนานลิฟท์แดง มีที่มาจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ยามเช้าของวันที่ 6 ตุลา นักศึกษาจำนวนมากต่างพากันหนีตายจากการปราบปรามอย่างรุนแรงโดยทหารและตำรวจ นักศึกษาบางส่วนพยายามหลบหนีเข้าไปในลิฟท์ของตึกคณะศิลปศาสตร์ แต่โชคร้าย ลิฟท์กลับกลายเป็นกับดักมรณะ ทหารได้ยิงกราดใส่ลิฟท์จนไม่มีใครรอดชีวิต เลือดของผู้เสียชีวิตได้สาดกระจายเปื้อนไปทั่ว กลายเป็นที่มาของชื่อ "ลิฟท์แดง"
.
หลังเหตุการณ์สลด มีผู้พบเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมาย บริเวณลิฟท์แดง เล่ากันว่า วิญญาณของนักศึกษาที่เสียชีวิตยังคงวนเวียนอยู่ภายในลิฟท์ บางคนเคยเห็นภาพวิญญาณสีขาวล่องลอย บางคนได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญ หรือแม้กระทั่งสัมผัสได้ถึงพลังงานลี้ลับ
.
ด้วยเรื่องราวสยองขวัญที่เล่าต่อกันมา ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงตัดสินใจเปลี่ยนลิฟท์ตัวเก่าออก และสร้างลิฟท์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่ประตูลิฟท์แดงดั้งเดิม ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ ตั้งแสดงอยู่ที่ชั้น 4 ตึกคณะศิลปศาสตร์ กลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์เตือนความทรงจำถึงเหตุการณ์อันโหดร้ายในอดีต
.
ปัจจุบัน ลิฟท์แดงไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ยังคงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักศึกษา นักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจเรื่องราวลี้ลับ ต่างมาเยี่ยมชมและสัมผัสกับบรรยากาศอันน่าขนลุก บางคนอาจโชคดีได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด แต่บางคนอาจแค่มายืนถ่ายรูป เก็บความทรงจำ และเรียนรู้บทเรียนจากอดีต
.
แม้ว่าลิฟท์แดงจะไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่บริเวณโดยรอบยังคงเป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัย นักท่องเที่ยวและผู้เข้าชมควรเคารพสถานที่ รักษาความสงบ และไม่ควรทำกิจกรรมใดๆที่อาจรบกวนผู้อื่น

.

ศาลเจ้าแม่ศรีแพรทอง: ตำนานศักดิ์สิทธิ์และความลี้ลับในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
.
ในอดีต บริเวณชั้น 5 ของตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เคยมีศาลเพียงตาเล็กๆ ตั้งอยู่ เชื่อกันว่า ศาลนี้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานวิญญาณของนักศึกษาหญิงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ผู้โชคร้าย
.
ตำนานเล่าขานกันว่า นักศึกษาหญิงคนดังกล่าว ถูกอกหักจากแฟนหนุ่มคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ด้วยความเสียใจ เธอจึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองภายในห้องน้ำหญิงชั้น 5 ของตึกวิศวะฯ วิญญาณของเธอถูกผูกพันกับสถานที่นี้ กลายเป็นที่มาของศาลเพียงตา
.
หลังจากมีการสร้างศาลเพียงตา ผู้คนเริ่มพบเจอเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมาย บ้างก็ได้ยินเสียงร้องไห้ บ้างก็เห็นเงาสีขาว บ้างก็สัมผัสได้ถึงพลังงานลี้ลับ ผู้คนต่างเล่าลือกันว่า วิญญาณของนักศึกษายังคงวนเวียนอยู่ที่ศาล
.
ด้วยความเคารพศรัทธา ทางมหาวิทยาลัยจึงได้ย้ายศาลเพียงตาจากชั้น 5 ตึกวิศวะกรรมศาสตร์ ลงมาประดิษฐาน ณ บริเวณด้านหลังตึกวิศวะฯ ปัจจุบันศาลแห่งนี้มีชื่อว่า "ศาลเจ้าแม่ศรีแพรทอง" กลายเป็นสถานที่เคารพสักการะของนักศึกษา บุคลากร และผู้มาเยือนมหาวิทยาลัย ผู้คนต่างกล่าวขานกันว่า ศาลเจ้าแม่ศรีแพรทองมีความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยดลบันดาลโชคลาภ ความสำเร็จ และปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย
.
แม้ว่าศาลเจ้าแม่ศรีแพรทองจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้เข้าไปสักการะควรแต่งกายสุภาพ วางตนด้วยความเคารพ รักษาความสงบ และไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจรบกวนผู้อื่น
.

ป๊อกป๊อกครืดตำนานผีหญิงในหอหญิงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ตำนาน "ป๊อกป๊อกครืด" เล่าขานกันมานานในหมู่นักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกี่ยวกับเรื่องราวลี้ลับในหอพักหญิงแห่งหนึ่ง เชื่อกันว่า ตำนานนี้มีที่มาจากเหตุการณ์เศร้าสลดในอดีต
.
ในอดีต เคยมีนักศึกษาวิทยาลัยเชียงใหม่คนหนึ่ง อาศัยอยู่ในหอพักหญิง คืนวันหนึ่ง เธอรู้สึกหิวขึ้นมาตอนดึก จึงตัดสินใจออกไปซื้อราดหน้าหน้าหอ ระหว่างทางกลับ เธอรู้สึกเหมือนมีคนติดตามมา ด้วยความกลัว เธอจึงรีบวิ่งหนีกลับหอ แต่แล้ว เสียงฝีเท้าก็ดังไล่ตามมาเรื่อยๆ
.
เมื่อเธอถึงหน้าห้องหอ เสียงฝีเท้าก็เงียบหายไป เธอรีบเปิดประตูเข้าห้อง ล็อกประตูอย่างแน่นหนา แต่แล้ว เธอก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากนอกห้อง "ป๊อกป๊อกครืด" เสียงนั้นดังเหมือนเสียงคนลากอะไรบางอย่างมาบนพื้น ค่อยๆ ดังเข้าใกล้ประตูห้องของเธอ
.
ด้วยความหวาดกลัว เธอจึงโทรหาเพื่อน แต่เพื่อนของเธอก็ไม่อยู่ เธอพยายามมองลอดช่องประตู แต่ก็มองไม่เห็นอะไร ได้ยินเพียงเสียง "ป๊อกป๊อกครืด" ดังอยู่ตลอดเวลา
.
ด้วยความสิ้นหวัง เธอจึงตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึง เสียงประหลาดก็เงียบหายไป ตำรวจพยายามหาที่มาของเสียง แต่ก็ไม่พบอะไร
.
หลังจากเหตุการณ์นั้น นักศึกษาวิทยาลัยเชียงใหม่คนดังกล่าวก็ย้ายออกจากหอไป แต่เรื่องราว "ป๊อกป๊อกครืด" ยังคงเล่าขานกันต่อมา กลายเป็นตำนานผีหญิงในหอหญิงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
.

นักศึกษาหลายคนเชื่อกันว่า วิญญาณของนักศึกษาวิทยาลัยเชียงใหม่คนดังกล่าว ยังคงวนเวียนอยู่ในหอพักหญิง บางคนเคยได้ยินเสียง "ป๊อกป๊อกครืด" ดังขึ้นในยามค่ำคืน บางคนเคยเห็นเงาดำเคลื่อนไหวไปมาในบริเวณหอ
.
ปัจจุบัน หอพักหญิงแห่งนั้นได้ถูกทุบทิ้งและสร้างตึกใหม่ขึ้นมาแทน แต่ตำนาน "ป๊อกป๊อกครืด" ยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลายเป็นเรื่องเล่าขานสยองขวัญ เตือนใจให้นักศึกษาหญิงดูแลตัวเอง
.
แม้ว่าตำนาน "ป๊อกป๊อกครืด" จะเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน แต่ก็แฝงไว้ด้วยข้อคิดเตือนใจ นักศึกษาหญิงควรดูแลตัวเอง ระวังอันตราย หลีกเลี่ยงการเดินกลับหอพักคนเดียวในยามค่ำคืน
.
ป๊อกป๊อกครืดตำนานผีหญิงในหอหญิงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มากกว่าแค่เรื่องเล่าขวัญ แต่คือบทเรียนชีวิต และการเตือนใจให้นักศึกษาหญิงดูแลตัวเอง

.

เรือนนางสนม: ตำนานผีสยองขวัญในมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์
จุดกำเนิดตำนาน:

เรือนนางสนม ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ อาคารหลังนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังสนามจันทร์ ในอดีต เคยเป็นที่ประทับของพระสนม ปัจจุบัน อาคารหลังนี้ถูกใช้เป็นที่เก็บของและห้องสมุด
.
มีตำนานเล่าขานกันมานานเกี่ยวกับเรือนนางสนม ว่ากันว่า วิญญาณของนางสนมในอดีตยังคงวนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ผู้คนเคยได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงคร่ำครวญ เสียงดนตรีไทยโบราณ และเคยเห็นเงาดำเคลื่อนไหวไปมาภายในอาคาร
.
นักศึกษามักเล่าขานกันว่า เรือนนางสนมเป็นสถานที่ที่น่ากลัว เคยมีนักศึกษาหลายคนพบเจอเหตุการณ์แปลกประหลาด เช่น
.
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งเคยเข้าไปใช้ห้องสมุดในเรือนนางสนม ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่ ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากด้านหลัง เมื่อเธอหันขวับไปมอง ก็ไม่พบใคร
นักศึกษากลุ่มหนึ่งเคยไปถ่ายรูปเล่นที่เรือนนางสนม ขณะที่พวกเขากำลังถ่ายรูปอยู่ เห็นเงาดำคล้ายผู้หญิงยืนอยู่บริเวณหน้าต่าง เมื่อพวกเขาซูมเข้าไปดู เงาดำนั้นก็หายไป
นักศึกษาชายคนหนึ่งเคยเดินผ่านเรือนนางสนมตอนกลางคืน เขาได้กลิ่นหอมดอกไม้โบราณ และรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา เมื่อเขาหันขวับไปมอง ก็ไม่พบใคร
.
นักศึกษาหลายคนเชื่อกันว่า เรือนนางสนมเป็นสถานที่อาถรรพ์ วิญญาณของนางสนมในอดีตยังคงวนเวียนอยู่ บางคนจึงไม่กล้าเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้

.

ตำนานห้องน้ำหญิงตึก 5 มหาวิทยาลัยรังสิต: เรื่องเล่าสยองขวัญจากวิศวะฯ

มหาวิทยาลัยรังสิต ขึ้นชื่อเรื่องเรื่องราวลี้ลับและตำนานผีมากมาย หนึ่งในสถานที่ที่โด่งดังที่สุดคือ "ห้องน้ำหญิงตึก 5" อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่นี่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณหญิงสาวที่เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม วนเวียนอยู่ภายในห้องน้ำ สร้างความหวาดกลัวให้กับนักศึกษาและบุคลากรมานานหลายปี
.
ตำนานเล่าขานกันว่า ในอดีต เคยมีนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์หญิงคนหนึ่ง ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมภายในห้องน้ำหญิงตึก 5 วิญญาณของเธอไม่สามารถไปไหนได้ ยังคงวนเวียนอยู่ภายในห้องน้ำ ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความทุกข์ทรมาน
.
นักศึกษาวิศวะฯ หลายคนเคยเผชิญกับเหตุการณ์แปลกประหลาดภายในห้องน้ำหญิงตึก 5 เช่น
.
ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมาจากห้องน้ำ
เห็นเงาดำเคลื่อนไหวไปมาในกระจก
ประตูห้องน้ำล็อกเองโดยอัตโนมัติ
น้ำในอ่างล้างหน้าไหลเอง
กลิ่นหอมดอกไม้โบราณโชยมา
.
นักศึกษาวิศวะฯ หลายคนเชื่อกันว่า วิญญาณของนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์หญิงคนดังกล่าวยังคงวนเวียนอยู่ภายในห้องน้ำ บางคนจึงไม่กล้าเข้าไปใช้ห้องน้ำแห่งนี้ โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
.
ปัจจุบัน ห้องน้ำหญิงตึก 5 ยังคงเปิดให้ใช้งานตามปกติ แต่มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ยังคงหวาดกลัว และเลี่ยงการเข้าไปใช้ห้องน้ำแห่งนี้ โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
.
แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับห้องน้ำหญิงตึก 5 จะเป็นเพียงตำนาน แต่ก็ควรเคารพสถานที่ รักษาความสงบ และไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจรบกวนผู้อื่น
.
ปัจจุบัน เรือนนางสนมยังคงเปิดให้ใช้งาน แต่มีการจำกัดเวลาเข้าออก นักศึกษาบางคนยังคงใช้สถานที่แห่งนี้เพื่ออ่านหนังสือ ทำงานกลุ่ม หรือถ่ายรูป
.
แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับเรือนนางสนมจะเป็นเพียงตำนาน แต่ก็ควรเคารพสถานที่ รักษาความสงบ และไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจรบกวนผู้อื่น
.

ตำนานอิฐ 9 ก้อน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: ปริศนาและความลี้ลับใจกลางมหาวิทยาลัย
.
บริเวณหน้าตึกจักรพงษ์ หรือหอประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกำแพงอิฐเก่าแก่ที่ประกอบด้วยอิฐ 9 ก้อน เรียงลำดับลดหลั่นกันลงมา ตำนานเล่าขานกันว่า อิฐ 9 ก้อนนี้มีความพิเศษ ไม่เหมือนอิฐก้อนอื่นๆ
.
มีหลายตำนานเล่าขานกันเกี่ยวกับอิฐ 9 ก้อน ดังนี้
.
ตำนานผี: เชื่อกันว่า อิฐ 9 ก้อนนี้ถูกสาปแช่ง วิญญาณของนักศึกษาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ ยังคงวนเวียนอยู่ เคยมีผู้พบเห็นเงาดำ ได้ยินเสียงร้องไห้ หรือสัมผัสพลังงานลี้ลับบริเวณอิฐ 9 ก้อน
ตำนานความโชคดี: เชื่อกันว่า หากใครสัมผัสอิฐ 9 ก้อนนี้ จะประสบความสำเร็จในชีวิต มีการเล่าขานกันว่า นักศึกษามากมายเคยมาขอพรจากอิฐ 9 ก้อน และสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา
ตำนานความรัก: เชื่อกันว่า หากคู่รักมาถ่ายรูปคู่กับอิฐ 9 ก้อนนี้ จะรักกันยืนยาว มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่น
.
อิฐ 9 ก้อนนี้ ไม่ได้มีความพิเศษอะไร เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมตึกจักรพงษ์ ที่ถูกออกแบบมาให้เรียงลำดับลดหลั่นกันลงมา เพื่อความสวยงาม
.
ปัจจุบัน อิฐ 9 ก้อนนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักศึกษาและบุคคลทั่วไป นักศึกษามักมาถ่ายรูป ขอพร หรือแวะชมความงดงามของสถาปัตยกรรม
.
แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับอิฐ 9 ก้อนจะเป็นเพียงตำนาน แต่ก็ควรเคารพสถานที่ รักษาความสงบ และไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจรบกวนผู้อื่น

ครูฮอน: ตำนานผีครูในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
.
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ขึ้นชื่อเรื่องเรื่องราวลี้ลับและตำนานผีมากมาย หนึ่งในตำนานที่โด่งดังที่สุดคือ "ครูฮอน" วิญญาณของอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังคงวนเวียนอยู่ภายในมหาวิทยาลัย
.
ครูฮอน เคยเป็นอาจารย์สอนนาฏศิลป์ไทยที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ท่านเสียชีวิตด้วยโรคปอดติดเชื้อ วิญญาณของท่านไม่สามารถไปไหนได้ ยังคงวนเวียนอยู่ภายในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์
.
นักศึกษามากมายเคยเผชิญกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ได้เชื่อมโยงกับครูฮอน เช่น
.
ได้ยินเสียงดนตรีไทยโบราณดังมาจากห้องเรียนนาฏศิลป์ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง
เห็นเงาดำของผู้หญิงสวมชุดไทยโบราณเดินไปมาในตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์
ประตูห้องเรียนเปิดปิดเองโดยอัตโนมัติ
รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา
อุปกรณ์การเรียนในห้องเรียนกระจัดกระจาย
.
นักศึกษามากมายเชื่อกันว่า วิญญาณของครูฮอนยังคงวนเวียนอยู่ภายในมหาวิทยาลัย บางคนจึงไม่กล้าเข้าไปในตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
.
ปัจจุบัน ตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์ยังคงเปิดสอนตามปกติ แต่นักศึกษายังคงระวังและหวาดกลัวเกี่ยวกับตำนานครูฮอน
.
แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับครูฮอนจะเป็นเพียงตำนาน แต่ก็ควรเคารพสถานที่ รักษาความสงบ และไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจรบกวนผู้อื่น

.

ศาลหอแกรนด์: ตำนานผีสุดเฮี้ยนแห่งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
.
ศาลหอแกรนด์ ตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลี้ลับและความน่ากลัว โด่งดังในฐานะตำนานผีสุดเฮี้ยนที่เล่าขานกันมานาน
.
ตั้งอยู่หน้าหอแกรนด์คอนโด
.
มีผีหลายประเภท
- ผีอิสลาม
- ผีผู้ชายร่างสูงใหญ่ตาแดง
- วิญญาณผู้โชคร้ายจากเหตุการณ์โดดตึกและถูกยิง
- ปรากฏเฉพาะกับนักศึกษาปี 1 ที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
- ลักษณะของศาลที่นักศึกษาเห็นจะต่างกันไป
- บางคนเห็นเป็นศาลไม้เก่าๆ
- ส่วนใหญ่เห็นเป็นศาลปูนสีขาวใหญ่โต
- เมื่อเดินผ่านอีกครั้ง ศาลจะหายไป
.
สร้างความหวาดกลัวให้นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ
.
เป็นตำนานผีที่โด่งดังที่สุดของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
แสดงให้เห็นถึงความเชื่อและวัฒนธรรมเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับในหมู่นักศึกษา
.
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงตำนานและความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
การเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากลัว ควรตั้งสติและหาทางออกอย่างมีเหตุผล

.

Loving Way: ตำนานรักและความหลอนในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
.
Loving Way หรือ ถนนรัก ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เป็นถนนที่มีเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับความเฮี้ยนและความโรแมนติก
.
ปั่นจักรยานซ้อนสอง: เชื่อกันว่า หากหนุ่มสาวมาปั่นจักรยานซ้อนสองบนถนน Loving Way ในตอนกลางวัน จะช่วยให้สมหวังในความรัก หรือได้เป็นแฟนกัน
ต้นรัก: บนถนน Loving Way มีต้นรักเรียงรายอยู่สองข้างทาง เชื่อกันว่า ต้นรักเหล่านี้ช่วยเสริมพลังให้กับความรักของหนุ่มสาว
.
ผีผู้หญิง: มีเรื่องเล่าว่า เคยมีผู้หญิงสาวถูกรถชนเสียชีวิตบนถนน Loving Way วิญญาณของเธอจึงยังคงวนเวียนอยู่

ผีห้อยหัว: เชื่อกันว่า หากปั่นจักรยานบนถนน Loving Way ในตอนกลางคืน จะเห็นผีห้อยหัวลงมาจากต้นไม้
เสียงหัวเราะ: บางคนเคยได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องบนถนน Loving Way ในตอนกลางคืน
.
ไม่ควรปั่นจักรยานบนถนน Loving Way ในตอนกลางคืน
.
ห้ามนั่งหันหลังชนกันบนจักรยานขณะปั่นบนถนน Loving Way
.
Loving Way ยังคงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักศึกษาและบุคคลทั่วไปให้มาเยือน แม้จะมีเรื่องราวความหลอนเล่าขาน แต่เสน่ห์ของถนนสายนี้ก็ยังคงอยู่ นักศึกษาเกษตร หลายคนยังคงมาปั่นจักรยานซ้อนสองบนถนน Loving Way เพื่อหวังความรักและความโรแมนติก
.
หมายเหตุ: ตำนานเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง
.

ด้ายแดง: ตำนานผู้อาจารย์ใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่)
.
ด้ายแดง เป็นตำนานเล่าขานที่โด่งดังในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เกี่ยวข้องกับ ตึก MNL หรือ ตึกวิชากายวิภาคศาสตร์ ซึ่งเป็นตึกเก่าแก่และเคยเป็นโรงพยาบาลมาก่อน
.
เคยมีนักศึกษาปี 1 มาเรียนที่ตึก MNL เป็นวันแรก ไปถามยามว่าลิฟต์อยู่ทางไหน ยามบอกทางไป นักศึกษากดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 5 แต่ลิฟต์กลับไปเปิดที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นเก็บศพอาจารย์ใหญ่
นักศึกษาคนนั้นไม่รู้เรื่อง เรียนเสร็จลงมาก็ไม่เจอยามคนนั้นอีกเลย
ต่อมาจึงได้รู้จากรุ่นพี่ว่า ที่ตึก MNL ไม่เคยมียามประจำการ ยามที่นักศึกษาเห็นคือ วิญญาณอาจารย์ใหญ่ ซึ่งถูกผูกด้ายแดงไว้ที่ข้อมือ
.
ด้ายแดงเป็นสัญลักษณ์แทน วิญญาณอาจารย์ใหญ่
อาจารย์ใหญ่ท่านนี้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุภายในตึก MNL วิญญาณของท่านยังคงวนเวียนอยู่เพื่อดูแลนักศึกษา
นักศึกษาบางคนเชื่อว่า การผูกด้ายแดงไว้ที่ข้อมือจะช่วยให้โชคดีและประสบความสำเร็จในการเรียน
.
ไม่ควรเข้าไปในตึก MNL ในตอนกลางคืน
เคารพสถานที่ และไม่ควรทำเสียงดังรบกวนผู้อื่น
ปัจจุบัน ตึก MNL ยังคงใช้เพื่อการเรียนการสอน แต่มีการปรับปรุงใหม่ และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด นักศึกษาส่วนใหญ่ทราบดีถึงตำนานด้ายแดง แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อและเคารพศรัทธา
.
หมายเหตุ: ตำนานเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy