เด็กหลุดระบบการศึกษา พุ่งกว่า 3 แสนราย กระทรวงศึกษาธิเร่งติดตามดึงกลับ
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยการประชุมประสานภารกิจร่วมกับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ในความพยายามเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาที่เหมาะสม พบว่ามีจำนวนเด็กและเยาวชนที่ไม่มีชื่อในระบบการศึกษาอยู่ที่ 394,039 คน โดยเฉพาะเด็กในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรืออายุ 6-18 ปี
เพื่อเร่งแก้ปัญหานี้ กระทรวงศึกษาธิการเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อวางแผนการดำเนินงาน หยุดยั้งการหลุดออกจากระบบการศึกษาภายใต้นโยบาย Thailand Zero Dropout และมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ในภาพรวม ทั้งนี้กระทรวงยังได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการ, ศึกษาธิการจังหวัด, และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกรมการศาสนา, สถานพินิจ, กรมราชทัณฑ์, และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อค้นหาและสำรวจเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบและดูแลในการนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยเริ่มนำร่องในจังหวัดบุรีรัมย์ รวม 18 อำเภอ ในโครงการ พาน้องกลับมาเรียน นี้ สพฐ. จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น กรมส่งเสริมการเรียนรู้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเป้าหมายหลักคือการลงพื้นที่เพื่อติดตามและนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างครบถ้วน พร้อมกับผลักดันนโยบาย OBEC Zero Dropout ซึ่งเป็นแนวทางในการลดจำนวนเด็กที่หลุดจากการศึกษาในทุกเขตพื้นที่การศึกษา
ในระยะแรก โครงการจะเริ่มนำร่องในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตรวจพบปัญหานี้อย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูลและประสานงานกับชุมชน รวมถึงให้คำแนะนำแก่ครอบครัวเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เด็กกลับมาเรียน นอกจากนี้ยังมีการเตรียมมาตรการรองรับเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษ โดยพยายามปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็กแต่ละคน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม
ผลการดำเนินงานจะถูกรายงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถประเมินและปรับปรุงวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที หวังว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาและลดปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบในระยะยาว