จากครัวไทย "ต้มยำกุ้ง: มรดกวัฒนธรรมไทยที่ UNESCO ยกย่อง"
ต้มยำกุ้งเป็นอาหารไทยภาคกลางประเภทต้มยำที่ได้รับความนิยมทั่วประเทศ มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และหวานเล็กน้อย ผสมผสานกันอย่างลงตัว แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ ต้มยำน้ำใส และ ต้มยำน้ำข้น
ส่วนผสมหลักของต้มยำกุ้ง
กุ้ง: ใช้กุ้งสดเนื้อแน่น เพิ่มความหวานธรรมชาติให้กับน้ำซุป
สมุนไพรไทย: ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และมะนาว ที่ให้กลิ่นหอมและรสชาติเป็นเอกลักษณ์
เครื่องปรุงรส: น้ำปลาและน้ำมะนาว เพื่อความเค็มและเปรี้ยวที่สมดุล
ต้มยำกุ้ง: มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้รับรองให้ต้มยำกุ้งเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ การขึ้นทะเบียนนี้สะท้อนถึงความสำคัญของต้มยำกุ้งในฐานะสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาทางอาหารของไทย
แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับจุดกำเนิดของต้มยำกุ้ง แต่มีการบันทึกถึงเมนู "ต้มยำ" มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราแม่ครัวหัวป่าก์ (พ.ศ. 2451) ได้กล่าวถึงต้มยำปลาต่าง ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต้มยำเป็นส่วนหนึ่งของอาหารไทยมาอย่างยาวนาน และมีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา ต้มยำกุ้งไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สมุนไพรที่ใช้ เช่น ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยให้รู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับการบริโภคในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย
ต้มยำกุ้งในเวทีโลก
ต้มยำกุ้งเป็นหนึ่งในอาหารไทยที่ได้รับการยอมรับและรู้จักไปทั่วโลก ความลงตัวของรสชาติและกลิ่นหอมของสมุนไพรทำให้ต้มยำกุ้งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนไทยและชาวต่างชาต ต้มยำกุ้งไม่เพียงเป็นอาหารที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญและคุณค่าของต้มยำกุ้งในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมของเรา
#ต้มยำกุ้ง
#มรดกวัฒนธรรมไทย
#อาหารไทย
#UNESCO
#สมุนไพรไทย